หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า Data Center เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ในทุก ๆ วัน เราเปิดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Netflix เพื่อดูหนังหรือซีรีส์ หรือ Shopee เพื่อช้อปปิ้งออนไลน์ เบื้องหลังการทำงานเหล่านี้ ล้วนต้องอาศัย Data Center ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล เพื่อให้การใช้งาน ไหลลื่น มีเสถียรภาพ และตอบสนองได้ทันใจ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Data Center ให้มากขึ้น ว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร และทำไมถึงใกล้ตัวกว่าที่คิด
Data Center คืออะไร?
Data Center คือ สถานที่ที่จัดเก็บข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีเซิร์ฟเวอร์ (Server) ระบบจัดเก็บข้อมูล (Storage) และเครือข่าย (Network) จำนวนมาก โดยทำงานร่วมกันกับระบบดิจิทัล เพื่อรองรับการใช้งาน ไม่ว่าจะการเก็บข้อมูล ประมวลผล หรือการกระจายข้อมูล
Data Center เป็นเหมือนกับบ้านของข้อมูล ที่คอยทำหน้าที่เป็นเบื้องหลังเพื่อให้บริการต่าง ๆ เช่น การดูหนัง การสั่งของออนไลน์ ให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง และปลอดภัยตลอดเวลา
ประเภทของ Data Center มีอะไรบ้าง?
ประเภทของ Data Center มีหลายประเภท ซึ่งใน 1 องค์กรอาจจะมีการใช้ Data Center ได้มากกว่าหนึ่งที่ ขึ้นอยู่กับความต้องการขององค์กรนั้น โดยประเภทของ Data Center มีดังนี้
1) Enterprise (on-premises) data centers
คือ Data Center ที่ตั้งอยู่ภายในองค์กรของตัวเอง ซึ่งบริษัทจะจัดเก็บโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ไว้ในบริษัทของตนเอง เหมาะกับองค์กรที่ต้องการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูล โดยองค์กรจะต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด ตั้งแต่การติดตั้ง การตรวจสอบ ดูแลระบบ
2) Public Cloud Data Centers และ Hyperscale Data Centers
Public Cloud Data Centers คือศูนย์ข้อมูลที่ผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่เปิดให้หลายองค์กรใช้งานร่วมกันผ่านอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างหรือดูแลโครงสร้างพื้นฐานเอง สามารถเพิ่มหรือลดทรัพยากรได้ตามความต้องการอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น ส่วน Hyperscale Data Centers ก็คือศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่มากที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับบริการคลาวด์ระดับโลก มีจำนวนเซิร์ฟเวอร์มหาศาลและระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ พร้อมกระจายตัวอยู่ในหลายภูมิภาคทั่วโลก เพื่อช่วยลดความหน่วง (latency) และเพิ่มความเสถียรของการให้บริการ จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด
3) Managed Data Centers และ Colocation Facilities
Managed Data Centers เป็น Data Center ที่เอาไว้ให้องค์กรที่ไม่มีพื้นที่ ไม่มีบุคลากร หรือความเชี่ยวชาญในการดูแล Data Center โดยผู้ให้บริการ Data Center จะเป็นผู้ดูแล ตรวจสอบเองแทนลูกค้า ในส่วนของ Colocation Facilities คือ ลูกค้าเป็นเจ้าของฮาร์ดแวร์เอง แต่เช่าพื้นที่ของผู้ให้บริการ Data Center เหมาะกับการใช้เพื่อสำรองข้อมูล (Backup) และกู้คืนระบบในกรณีฉุกเฉิน
(อ้างอิงจาก https://www.ibm.com/think/topics/data-centers)
ส่วนประกอบหลักของ Data Center มีอะไรบ้าง?
1) Server
เป็นเหมือนกับสมองของ Data Center ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลและรันแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อให้บริการออนไลน์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2) Storage
เป็น Hardware ใช้เก็บข้อมูลจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ ฐานข้อมูล หรือข้อมูลธุรกรรมต่าง ๆ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
3) Network
เป็นโครงสร้างเครือข่ายเชื่อมต่อระหว่างเซิร์ฟเวอร์กับผู้ใช้งาน ทำให้ส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเสถียร
4) Power System
เป็นระบบไฟฟ้า ทั้งเครื่องกำหนดไฟสำรองและเครื่องสำรองไฟฟ้า ช่วยทำให้เซิร์ฟเวอร์สามารถทำงานต่อเนื่องได้ 24 ชั่วโมงไม่มีสะดุด ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาคคิด อย่างเช่น ไฟฟ้าดับ
5) Cooling System
ระบบระบายความร้อนนั้นจำเป็น เนื่องจาก Data Center มีการรันข้อมูลตลอดเวลา จึงสมควรมีระบบระบายความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนที่สูงเกินไปจนสร้างความเสียหายได้
6) Security & Monitoring
ระบบรักษาความปลอดภัยทั้งทางกายภาพ เช่น กล้องวงจรปิด การควบคุมการเข้าออก และความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงระบบ Monitoring ที่ใช้ตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์และเครือข่ายตลอดเวลา เพื่อป้องกันเหตุขัดข้องและเพิ่มความน่าเชื่อถือในการให้บริการ
ข้อดีของ Data Center มีอะไรบ้าง?

1) เพิ่มความเสถียรและการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
แม้อุปกรณ์สมัยนี้จะมีความใหม่และทนทานมากกว่าสมัยก่อน แต่ถ้าอยู่ในอุณหภูมิที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น ร้อนเกินไป หรือเกิดความชื้น ก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับข้อมูลได้ การเลือกใช้ Data Center ที่ดีก็จะสามารถสร้างเสถียรภาพให้กับการใช้งานได้มากขึ้น
2) เพิ่มความปลอดภัย
เนื่องจากองค์กรปกติไม่ได้มีการดูแล หรือมาตรการป้องกันที่มากพอ ทำให้การใช้ Data Center จะเข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยมากขึ้น เช่น มีกล้องวงจรปิด สัญญาณเตือน มีการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มีการกั้นพื้นที่เฉพาะ
3) รองรับการขยายตัวและมีความยืดหยุ่น
Data Center ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเพิ่มศักยภาพ ทั้งด้านการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมี Co-location Data Center ที่เปิดให้เช่าพื้นที่และบริการ โดยไม่ต้องลงทุนสร้างและดูแลเองทั้งหมด ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและขยาย Data Center ได้เร็วขึ้นและประหยัดต้นทุน
(อ้างอิงจาก: https://blog.enconnex.com/benefits-and-importance-of-data-centers)
ทำไม Data Center ถึงใกล้ตัวเรากว่าที่คิด?
Data Center คือศูนย์กลางในการจัดเก็บและบริหารข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก ข้อมูลถือเป็นทรัพย์สินที่สำคัญ ขององค์กร หากเกิดการรั่วไหลหรือสูญหาย อาจสร้างความเสียหายรุนแรงต่อธุรกิจได้ ดังนั้นหลายองค์กรจึงหันมาใช้ Data Center เพื่อสร้างเกราะป้องกันข้อมูล พร้อมทั้งมีระบบกู้คืนเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ตัวอย่างธุรกิจที่ใช้ Data Center
- E-Commerce – บริษัทที่ทำธุรกิจซื้อขายออนไลน์ต้องจัดเก็บข้อมูลลูกค้าและคำสั่งซื้อจำนวนมาก เช่น Amazon ซึ่งเป็น E-Commerce ระดับโลก ก็พึ่งพา Data Center ในการบริหารจัดการข้อมูล
- Streaming – ธุรกิจสื่อดิจิทัล เช่น Netflix ใช้ Data Center และ Cloud ในการถ่ายทอดคอนเทนต์ให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงได้อย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ
- องค์กรอื่น ๆ – เช่น โรงพยาบาลที่ต้องเก็บข้อมูลผู้ป่วย หรือธนาคารที่ต้องจัดเก็บธุรกรรมการเงินอย่างปลอดภัย
จากตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Data Center เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งออนไลน์ การดูหนังฟังเพลง ไปจนถึงการทำธุรกรรมทางการเงิน เพราะ Data Center ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีความเสถียร และสามารถกู้คืนได้แม้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ไฟฟ้าดับ
บริษัท เทอร์ราไบท์ พลัส จำกัด (มหาชน) ใช้ Data Center ภายในประเทศไทยจำนวน 2–5 แห่ง เพื่อรองรับการให้บริการ T.Cloud Gen3 โดยมีการเลือกใช้ Data Center ที่มีความเหมาะสมและได้มาตรฐาน ส่งผลให้ T.Cloud Gen3 ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็น Local Cloud ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในประเทศได้ดียิ่งขึ้น
บทสรุป
Data Center ถือเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวและมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินงานของหลายองค์กร เนื่องจากข้อมูลเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากในยุคดิจิทัล องค์กรจึงควรเลือกใช้ Data Center ที่เหมาะสมกับความต้องการและลักษณะธุรกิจของตนเอง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดความเสี่ยงด้านระบบ และสร้างความพร้อมในการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
สนใจติดต่อสอบถาม
สามารถติดต่อเราได้ที่ https://www.terabyteplus.com/contact/
หรือเบอร์โทร 02-692-8731-4
Line Official ID : @tera_sales
บริษัทเราจะเปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 – 18.00 น.